บริการรับสร้างบ้าน บริการอีกรูปแบบหนึ่งที่มีไว้สำหรับผู้ที่กำลังอยากจะมีบ้านสักหลังในชีวิต การสร้างในรูปแบบนี้มีข้อดีอยู่ที่ตัวเจ้าของบ้านสามารถปรับเปลี่ยนแปลนได้ตามใจก่อนที่จะเริ่มสร้างจริง แต่ก็มีข้อเสียอยู่ที่ผู้รับเหมาส่วนมากจะชอบทิ้งงาน หรือสร้างบ้านออกมาได้มาตรฐาน ไม่ตรงกับแปลนที่วางไว้ และมากที่สุดก็คืองบประมาณที่บานปลายกว่าที่ตกลงกันไว้ เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องปวดหัวเหล่านี้กับตัวคุณ วันนี้เราจะมาแนะนำ 3 วิธีเลือกบริการรับสร้างบ้านที่คุณควรรู้ วิธีที่จะทำให้บ้านในฝันของคุณออกมาสำเร็จตามต้องการ 100%  

3 วิธีเลือกบริการรับสร้างบ้าน ที่ทำให้คุณไม่ต้องปวดหัวอีกต่อไป  

1. ผลงานที่ผ่านมาของบริษัท 

จุดเริ่มต้นที่ผู้ว่าจ้าง หรือเจ้าของบ้านทุกคนควรให้ความสำคัญนั่นก็คือการตามหาบริษัทที่ดี ที่รับผิดชอบงานทุกกระบวนการตั้งแต่ต้นจนจบงาน วิธีก็คือให้คุณดูประวัติและผลงานที่ผ่านมาของผู้ให้บริการรับสร้างบ้าน หรือบริษัทรับสร้างบ้านที่คุณกำลังสนใจอยู่อาจจะค้นหาผ่านทางอินเทอร์เน็ต หรือสอบถามผู้ที่เคยสร้างบ้านมาก่อนหน้านี้ วิธีเหล่านี้ที่จะทำให้คุณได้ทราบข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับบริษัทได้นั่นเอง โดยอาจจะมองหาบริษัทที่เข้าตาไว้ 3-4 บริษัท หลังจากนั้นคุณก็ติดต่อกับบริษัทโดยตรงถึงรายละเอียดการว่าจ้างต่าง ๆ  

2. ขอใบเสนอราคาในการก่อสร้าง  

เมื่อเริ่มคุยรายละเอียดกับทางบริษัทสัก 3-4 เจ้าแล้ว สิ่งต่อมาก็คือการให้ตัวคุณแจ้งรายละเอียดถึงความต้องการของคุณ ว่าต้องการบ้านแบบไหน สไตล์อะไร (หากมีแปลนบ้านแล้วก็สามารถยืนให้บริษัทเหล่านั้นได้ทันที) จากนั้นบริษัทก็จะคำนวณค่าอุปกรณ์ต่าง ๆ กลับมาในรูปแบบของใบเสนอราคา ในนั้นจะแสดงรายละเอียดของวัสดุอุปกรณ์ทั้งหมดที่ต้องใช้ จากนั้นคุณแค่นำใบเสนอราคาจากทุกบริษัทมาเทียบกันว่าเจ้าไหนให้ราคาที่ดีกว่า มีวัสดุที่ดีกว่า ซึ่งมันจะสะท้อนคุณภาพของผู้รับเหมาเหล่านี้ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว  

3. สัญญาจ้างที่ละเอียด ชัดเจน  

เมื่อพึงพอใจในราคาที่ผู้ให้บริการรับสร้างบ้านเสนอมาแล้ว สิ่งต่อมาก็คือการทำสัญญาจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งตรงนี้สำคัญมากห้ามตกลงกันเพียงแค่คำพูดเด็ดขาด โดยบริษัทจะต้องเสนอสัญญาจ้างมาให้คุณพิจารณาโดยที่คุณไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากขอ ในสัญญาจะต้องระบุถึง ระยะเวลาก่อสร้าง, วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้, การแบ่งชำระเป็นงวดตามความคืบหน้าของงาน, เงื่อนไขการรับประกันงานก่อนสร้าง หากมีพาร์ทเนอร์เข้ามาทำในงานเฉพาะ หรือส่วนที่ไม่ถนัด ต้องมีระบุไว้ในสัญญาด้วยเช่นกัน  

สุดท้ายก็คือมาตรฐานในการก่อสร้าง ผู้ให้บริการรับสร้างบ้าน จะต้องวางแผนการสร้างอย่างเป็นระบบ หากเป็นบ้านที่มีขนาดใหญ่จะต้องมีวิศวกร หรือสถาปนิกเข้ามาควบคุมหน้างานเพื่อไม่ให้บ้านของคุณหลุดไปจากแปลนบ้านที่วางไว้ และที่สำคัญก็คือวัสดุก่อสร้างเป็นไปตามที่ได้ตกลงกันไว้ และเมื่อบ้านของคุณสร้างไปได้ระยะหนึ่งแล้ว คุณควรจ้างวิศวกรเข้ามาตรวจเช็กหน้างานว่าเป็นไปตามแปลนที่คุณวางไว้หรือไม่ หากไม่ก็ให้แก้ไขก่อนที่จะเบิกเงินในแต่งละงวด วิธีเหล่านี้จะทำให้คุณได้บ้านตามที่ใจคุณต้องการได้ และจะไม่เกิดการทิ้งงานในระหว่างการก่อสร้างเลยละ